
โคพันธุ์เฮียร์ฟอร์ด – Hereford Breed
โคเฮอร์ฟอร์ด เป็นโคเนื้อพันธุ์เก่าแก่อันดับ 2 รองจากโคชอร์ตฮอร์น ที่มีประวัติมายาวนาน กว่า 200 ปี และยังคงเป็นพันธุ์โคเนื้อที่ใช้ผลิตเนื้อคุณภาพดีเลี้ยงพลโลกอยู่ในปัจจุบัน โคเฮอร์ฟอร์ด เป็นโคเนื้อที่มีลักษณะอันพึงประสงค์สำหรับการผลิตเนื้ออยู่อย่างครบถ้วน เป็นต้นว่า สมบูรณ์พันธุ์ ลักษณะทางการสืบพันธุ์ดี ขนาดและการเจริญเติบโตที่พอเหมาะ ขุนได้ดี คุณภาพซากดีเยี่ยม ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูต่ำ กล้ามเนื้อและการให้นมเหมาะสม ปรับตัวได้ดี มีความทนทาน ลักษณะนิสัยดีและผลิตเป็นโคลูกผสมได้ดี
จุดกำเนิดพันธุ์
โคเฮอร์ฟอร์ด เป็นโคที่พัฒนามาจากโคพื้นเมืองสีแดง ซึ่งมีอยู่ในพื้นที่เขตติดต่อระหว่างเวลล์กับฝั่งตะวันตกของอังกฤษ จุดกำเนิดของโคจริง ๆ อยู่ในเมือง เฮอร์ฟอร์ดเชียร์ ซึ่งมีการพูดถึง ในหนังสือการเกษตรหลาย ๆ เล่ม มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 1600 และในระหว่างปี 1700 ถึงต้นศตวรรษที่ 1800 ก็มีเอกสารที่บันทึกถึงการเลี้ยงโคพันธุ์นี้ว่า มีการเลี้ยงในฟาร์มหลาย ๆ ฟาร์มในบริเวณเมืองเฮอร์ฟอร์ดเชียร์ Benjamin Tomkins ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งพันธุ์เฮอร์ฟอร์ด โดยเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1742 ด้วยลูกโคตัวผู้จากแม่โคชื่อ Silver และแม่โค 2 ตัว ชื่อ Pidgeon และMottleซึ่งเป็นมรดกจากพ่อ จากการเริ่มต้น Mr. Tomkins ได้มีเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ในการให้อาหาร การเจริญตามธรรมชาติ และการเติบโตด้วยหญ้าและธัญญพืช ทนทาน โตเร็ว ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน และมีการเสนอบันทึกฝูงโคพันธุ์เฮอร์ฟอร์ดเล่มแรก(The First Herd Book of Hereford Cattle)ในปี 1846 โดย Thomas Eyton แห่งWellington, Shropshire ในบันทึกฝูงเล่มแรกนี้ประกอบด้วย บันทึก พ่อโค 551 ตัว ซึ่งเป็นของ 75 เจ้าของ ได้มีการส่งผ่านบันทึกฝูงพันธุ์นี้มาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการจัดตั้งสมาคมบันทึกฝูงพันธุ์เฮอร์ฟอร์ด (The Hereford Herd Book Society) ขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1878 และเมื่อปี ค.ศ. 1996 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 150 ปีของการจดบันทึกพันธุ์เล่มแรก ทางสมาคมได้เปลี่ยนชื่อเป็นสมาคมโคเฮอร์ฟอร์ด (The Hereford Cattle Society) ในปี ค.ศ. 1886 8 ปีหลังจากสมาคมได้ก่อตั้งขึ้นมา การบันทึกในบันทึกฝูงพันธุ์จะประกอบด้วย พ่อ (sire) และ แม่ (dam) ซึ่งอ้างอิงจากการจดบันทึกของบันทึกฝูงพันธุ์เล่มแรก

โคเฮอร์ฟอร์ดในระหว่างปี 1700 ถึงต้นศตวรรษที่ 1800 ในอังกฤษ มีขนาดใหญ่กว่าปัจจุบันมาก โคเต็มวัยในสมัยนั้น หนักถึง 3000 ปอนด์(1636 ก.ก.) หรือมากกว่า เช่น Cotmore พ่อพันธุ์ที่ชนะการประกวด ที่งาน Royal Show Oxford ในปี ค.ศ. 1839 มีน้ำหนักถึง 3900 ปอนด์(1772 ก.ก.) ต่อมารูปร่างและองค์ประกอบได้มีการคัดเลือก ปรับปรุงจนเปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีขนาดและน้ำหนักน้อยลง เพื่อให้มีความกลมกลืน มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น

Cotmore พ่อพันธุ์โคเฮอร์ฟอร์ด ในปี ค.ศ. 1839 มีน้ำหนักถึง 3900 ปอนด์(1772 ก.ก.)
ในปัจจุบันมีอย่างน้อย 25 ประเทศทั่วโลกที่มีการบันทึกพันธุ์ประวัติโคเฮอร์ฟอร์ดเป็นของตัวเอง ซึ่งบรรพบุรุษของลูกโคแต่ละตัวและทุก ๆ ตัวที่เกิดมาสามารถเชื่อมโยงถึงบันทึกที่ทำไว้ใน บันทึกฝูงพันธุ์เล่มแรก จากเอกสารบันทึกเกี่ยวกับการนำพันธุ์เฮอร์ฟอร์ดไปยังประเทศต่าง ๆ พบว่า มีการนำโคเฮอร์ฟอร์ดไปยังไอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 1775 สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1817 ออสเตรเลีย ในปี ค.ศ. 1825 และในปัจจุบันได้มีการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศชื่อว่า World Hereford Council และมีการจัดประชุม World Hereford Conference ทุก ๆ 4 ปี และมีการชุมนุมของประเทศผู้ผลิตโคเฮอร์ฟอร์ดยุโรป (The European Hereford producing Countries) ทุก ๆ 2 ปี

ลักษณะประจำพันธุ์
ลักษณะที่กำหนดไว้โดยผู้บุกเบิกพันธุ์เฮอร์ฟอร์ด ที่มีมากว่า 2 ศตวรรษ ทำให้โคเฮอร์ฟอร์ดมีจุดเด่นของโคเนื้อที่เป็นโคเนื้อเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่เลี้ยงโคของโลก
- การปรับตัว โคเฮอร์ฟอร์ดสามารถเลี้ยงได้ในสภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่เขตอาร์คติคทางยุโรปตอนเหนือและแคนนาดา พื้นที่ปศุสัตว์ที่กว้างใหญ่ในอเมริกาเขตอบอุ่นและเขตร้อนในตอนกลางของทวีปอเมริกาใต้ จนถึงเขตแห้งแล้งในออสเตรเลีย และเขตร้อนในตอนกลางและตอนใต้ของแอฟริกา ซึ่งความสามารถในการหากินภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โคเฮอร์ฟอร์ดไม่เป็นรองใคร
- ความสามารถบนแปลงหญ้า โคเฮอร์ฟอร์ด เจริญเติบโตให้น้ำหนักได้ดี และมีอัตราการเจริญเติบโตดีบนแปลงหญ้า ซึ่งยังเป็นอาหารที่ราคาถูกที่สุด แม่โคที่มีขนาดกลางทำให้สามารถทนทานในการแทะเล็มในฤดูร้อนได้ดี ทำให้มีพลังงานพอเพียงในฤดูหนาวที่มีแต่หญ้าหมักและฟางกินเท่านั้น
- ความเชื่อง โคเฮอร์ฟอร์ด เป็นโคไม่หงุดหงิด ทำให้จัดการได้ง่าย สิ้นเปลืองแรงงานน้อย เกิดความเครียดน้อยระหว่างการส่งตลาดทำให้ผลิตเนื้อคุณภาพดี สำหรับบริโภคได้ดี ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับผู้เลี้ยงฝูง
- คลอดง่าย ความสามารถในการคลอดง่าย ทำให้เพิ่มจำนวนลูกต่อปีและลดค่าใช้จ่ายในการต้องตามสัตวแพทย์มาช่วยทำคลอด ทำให้มีกำไรสูงขึ้น
- เครื่องหมายเฮอร์ฟอร์ด จากสีที่ปรากฏและลักษณะที่มองเห็นซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ต่อลักษณะทางเศรษฐกิจ โคเฮอร์ฟอร์ดเพศผู้สามารถที่จะถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของเฮอร์ฟอร์ดออกไปได้ อย่างเฉพาะเจาะจงเสมือนหนึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าคือ ลักษณะหน้าขาว ทำให้สามารถรับรู้ได้ว่านี่คือลูกของเฮอร์ฟอร์ด ทำให้ง่ายต่อการสืบค้นและคาดการณ์ล่วงหน้า
- ความสมบูรณ์พันธุ์ ความสมบูรณ์พันธุ์ดูเหมือนว่าจะเป็นลักษณะประจำพันธุ์ที่สำคัญที่สุดของทุก ๆ พันธุ์ ที่มีผลต่อกำไรมากกว่าลักษณะอื่น ๆ โคเฮอร์ฟอร์ด เพศเมียสามารถผลิตลูกโคหย่านมได้ปีละ 1 ตัว ทุก ๆ ปี ภายใต้สภาพที่แวดล้อมและภูมิอากาศที่หลากหลาย ทำให้เป็นที่นิยมใช้เป็นแม่พันธุ์ในฝูงที่ต้องการประสิทธิภาพในการผลิตฝูงโคเนื้อ
- คุณภาพเนื้อ จากความนิยมที่หันมาบริโภคเนื้อที่มาจากการเลี้ยงด้วยหญ้าธรรมชาติ โคเฮอร์ฟอร์ด ซึ่งเป็นโคพันธุ์ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีด้วยหญ้า ทำให้ผลิตเนื้อคุณภาพดี ที่ตอบสนองตลาดได้ ทำให้เฮอร์ฟอร์ดเป็นที่นิยมและผู้ผลิตเนื้อคุณภาพรายใหญ่ ซึ่งเห็นได้จากจำนวนที่ต้องการในตลาดภายใต้โครงการ เนื้อตราเฮอร์ฟอร์ด
- ความยาวนานในการผลิต ความยาวนานในการใช้งานพ่อพันธุ์เฮอร์ฟอร์ดสามารถพิจารณาได้จากผู้ผสมพันธุ์เฮอร์ฟอร์ด ที่มักจะใช้พ่อโคเฮอร์ฟอร์ดได้ยาวนาน 10-15 ปี ทำให้ลดการจัดหาพ่อพันธุ์ทดแทนซึ่งเช่นเดียวกับโคเพศเมียเฮอร์ฟอร์ด ก็จะมีชีวิตการใช้งานที่ยาวนานเช่นกัน
ความนิยมในการเลี้ยงโคเฮอร์ฟอร์ดทั่วโลก
โคเฮอร์ฟอร์ด ถูกนำเข้ามายังสหรัฐอเมริกา ครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1817 โดย Henry Clay แห่ง Kentucky เป็น ตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 2 ตัว โคเหล่านี้และลูกที่เกิดขึ้นมาน่าสนใจมาก แต่ในที่สุดก็ถูกผสมกลมกลืนไปกับประชากรโคในท้องถิ่นจนลักษณะของโคเฮอร์ฟอร์ด หายไปอย่างถาวร ฝูงผสมพันธุ์โคเฮอร์ฟอร์ดในอเมริกามีขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1840 โดย William H. Sotham และ Erastus Corning แห่ง Albany, New York และประชากรโคเฮอร์ฟอร์ดเมื่อเริ่มต้นจะหนาแน่นในฝั่งตะวันออกของอเมริการวมถึงฝูงโคใน New England และได้กระจายออกไปทางใต้และตะวันตกเมื่อผู้คนมากขึ้นและความต้องการบริโภคเนื้อโคเพิ่มขึ้น จากการบันทึกในการประกวดที่ New York State Fair มี โคเฮอร์ฟอร์ด ร่วมอยู่ด้วย 11 ตัว และที่ทำให้โคเฮอร์ฟอร์ดเริ่มได้รับความสนใจอย่างมากก็คือการที่ฝูงโคของ T.L. Miller ได้รับเหรียญรางวัลที่ 1 ในงาน Centennial Exposition ใน Philadelphia เมื่อปี ค.ศ. 1876 ทำให้มีผู้เลี้ยงโคเฮอร์ฟอร์ดมากขึ้น จึงมีการนำเข้าจากเมือง Herefordshire เพิ่มขึ้น นับถึงปี ค.ศ. 1880 มีการนำเข้า 200 ตัว แต่ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1880-1889 มีการนำเข้ามากกว่า 3,500 ตัว ทำให้มีการใช้โคเฮอร์ฟอร์ด ในอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อของอเมริกามากขึ้นและได้มีการจัดตั้ง The American Hereford Association เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1881
โคเฮอร์ฟอร์ด เป็นโคพันธุ์หลักสำหรับการผลิตเนื้อในอเมริกามายาวนาน จากลักษณะที่สามารถเลี้ยงได้ง่ายและถึงวัยเจริญพันธุ์เร็ว สามารถทำให้มีไขมันได้เมื่ออายุยังน้อย จึงสามารถผลิตเนื้อได้ตามความต้องการของตลาดขณะนั้น(ช่วงปลายทศวรรษ 1930-ทศวรรษ 1940)คือ เนื้อจากโคที่ขุนด้วยหญ้าจะได้ราคาสูง และการนิยมบริโภคเนื้อจากโคที่สมบูรณ์เมื่ออายุน้อย แต่ความต้องการของตลาดเปลี่ยนแปลงไปในช่วงทศวรรษ 1960 คือ ผู้นิยมบริโภคเนื้อที่มีไขมันน้อย ดังนั้นจึงมีการปรับปรุงพันธุ์โคเฮอร์ฟอร์ด ในอเมริกากันอย่างมาก เพื่อทำให้โคเฮอร์ฟอร์ดมีโครงร่างและขนาดใหญ่ขึ้น โตเร็ว ทำให้มีโปรแกรมการคัดเลือกพันธุ์อย่างหลากหลายตามความคิดเห็นของนักปรับปรุงพันธุ์ในแต่ละแหล่ง และยังดำเนินต่อมาจนปัจจุบัน อย่างไรก็ตามโคเฮอร์ฟอร์ด ยังคงเป็นโคพันธุ์หลักของอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อในอเมริกา
โคเฮอร์ฟอร์ดในนามีเบีย
โคเฮอร์ฟอร์ด ถูกนำเข้ามายังออสเตรเลียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1826 เป็น ตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 3 ตัว โดยนำมายัง Van Dieman’s Land, Hobart, Tasmania และครั้งแรกที่นำเข้ามายังแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลีย ในเดือน ธันวาคม ค.ศ. 1827 โดย George Wyndham, Dalwood, New South Wale และต่อมาก็ได้มีการนำเข้าอีกทั้งจาก อังกฤษ อเมริกา และ แคนาดา และเนื่องจากเป็นโคที่สามารถผลิตเนื้อคุณภาพสูงได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย รวมทั้งมีความสมบูรณ์พันธุ์สูง เชื่องและเป็นที่ยอมรับของตลาดอย่างมาก ทำให้ผู้ผลิตโคเนื้อในออสเตรเลียนิยมเลี้ยงมากทั่วออสเตรเลีย
โคเฮอร์ฟอร์ดในนิวซีแลนด์
การเลี้ยงโคเฮอร์ฟอร์ดในประเทศไทย
ได้มีการนำน้ำเชื้อโคเฮอร์ฟอร์ดมาทดลองผลิตโคลูกผสมเฮอร์ฟอร์ด ตั้งแต่ปี 2512 แต่ลักษณะหน้าขาวไม่เป็นที่นิยมสำหรับเกษตรกรไทยจึงไม่เป็นที่แพร่หลาย แต่ถ้าหากมีการตั้งเป้าหมายสำหรับการเพิ่มผลผลิตเนื้อคุณภาพดีในระยะเวลาสั้น โคเฮอร์ฟอร์ดก็เป็นพันธุ์ที่น่าสนใจมากพันธุ์หนึ่งสำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน

Link ที่เกี่ยวข้องกับวัวพันธุ์เฮอร์ฟอร์ด
http://en.wikipedia.org/wiki/Hereford_(cattle)
http://www.hereford.com/hereford-sires.htm
http://www.herefordbeef.net/home
http://www.hereford-namibia.com/members/ombika/index.html
http://www.deitschlandfarm.com/index.htm
http://beefexpoireland.com/hereford.html

บทความนี้ ถูกตีพิมพ์ในหนังสือ โคพันธุ์เนื้อ
ของ บ.พรายทะเลพับลิชชิ่ง จำกัด (โคบาลแมกกาซีน)
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thailivestock.com/cattle_handling/โคพันธุ์เฮียร์ฟอร์ด-hereford-cattle